[SF] Lady Lilly Jayz :: Hanta ::
ผู้เข้าชมรวม
511
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ปล. เรื่องนี้ไรท์ขอใช้คำว่า ข้าพเจ้า แทนตัวผู้พูดทั้งหมดเพื่ออรรถรสในการอ่านนะคะ
บทเรียนแห่งพระเจ้านี้ช่างกัดกร่อนหัวใจข้าพเจ้ายิ่งนัก
ทุกข์ทน ทรมานด้วยความไม่อาจทำให้มันจบสิ้นลงได้
ได้โปรด ได้ยินคำขอร้องข้าพเจ้าด้วย ทรัพย์สินสิ่งใดที่ต้องการ
ข้าพเจ้าพร้อมจะนำมากองแทบเท้าท่าน
ได้โปรด ปลดปล่อยข้าพเจ้าและครอบครัว
จากสิ่งชั่วร้ายนี้ด้วยเถิด
ลงนาม
เซอร์ แอนดิสสัน
แผงนิ้วเรียวยาวที่ซุกซ่อนอยู่ใต้ถุงมือหนังเงาวาวเก็บพับกระดาษในมือก่อนจะยัดมันลงในกระเป๋าเล็กที่ซ่อนอยู่ภายในเสื้อโค้ชที่น้ำตาลอ่อนของตน ดวงตาสีเกาลัดมองตรงไปด้านหน้าเพื่อมองหาเลขที่บ้านที่ตรงตามจดหมายระบุไว้ ถนนแมนฮัตสัน 103 เป็นถนนเส้นยาวแต่กลับมากด้วยตรอกซอกซอย มันจึงเป็นเรื่องค่อนข้างยากในการค้นหาตัวเลขเล็กๆที่แปะป้ายอยู่หน้าประตูบ้านเรือนที่เรียงรายอยู่ตรงหน้านี้ ในเวลาบ่ายย่ำค่ำผู้คนค่อนข้างแออัดแต่มันไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มร่างสูงรำคาญใจเท่ากับเข็มนาฬิกาบนข้อมือที่ทำหน้าที่เร่งรัดภารกิจของเขาให้เสร็จสิ้นก่อนช่วงอาหารค่ำจะมาถึง
“ นายท่าน ฮันโซล เจ ใช่หรือไม่ขอรับ ”
เสียงของชายร่างเล็กที่ดังอยู่ข้างลำตัวเรียกใบหน้าหล่อคมให้หันไปสบ เสื้อโค้ชสีเทาหม่นที่ดูจืดชืดไปตามระยะเวลาการใช้งานโดยไม่ได้รับการผลัดเปลื่ยนอย่างเช่นผู้คนส่วนใหญ่ในเมืองเขาทำกัน ถ้าเดาไม่ผิดชายวัยกลางคนผู้นี้คงเป็นบ่าวของเศรษฐีตึกใดตึกหนึ่ง
“ ใช่แล้ว ไม่ทราบว่าท่าน ... ”
“ บ่าวป็นคนรับใช้ในตึกของท่านเซอร์ แอนดิสสันขอรับ นายท่านเห็นว่าย่ำค่ำแล้วท่านไม่มาถึงซักที จึงเกรงว่าอาจจะหลงทางอยู่ที่ไหนซักแห่ง ”
แล้วก็รู้ด้วยว่าเขาหลงอยู่ที่นี่ ....
“ ดูเหมือนท่านเซอร์จะเฝ้าคอยข้าพเจ้าอย่างใจจดใจจ่อทีเดียว พี่ชายพาข้าพเจ้ากลับตึกของท่านสิ ”
“ ขอรับ โปรดตามบ่าวมา ”
ความฉ่ำแฉะของพื้นถนนเบื้องล่างบ่งบอกว่าฝนห่าใหญ่ในช่วงเย็นได้ยุติลงอย่างสมบูรณ์ กลิ่นอายของพื้นปูนซีเมนต์ผสมผสานเข้ากับกลิ่นหอมรัญจวนของน้ำหอมชั้นดีที่ประทับติดตรึงอยู่กับทุกร่างกายของชายหนุ่มหญิงสาวที่เดินพัดผ่านเขาไป เมื่อก้าวเข้าสู่ในในยุโรปยุคปลาย ชีวิตของผู้คนล้วนมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองเพิ่มมากขึ้น
ในยุคสมัยที่อะไรหลายอย่างล้วนเปลื่ยนไป แต่จิตใจกลับยังคงต่ำตมอยู่เช่นเดิม
ร่างเล็กของคนรับใช้สาวนำไปยังจตุรัตด้านหน้าที่ดูเหมือนจะเป็นย่านที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองนี้ ร้านเช่าชุดวิวาห์หรูหราประดับตกแต่งหน้าร้านด้วยพันธุ์ไม้หายากราคาแพง ตั้งอยู่ข้างที่ทำการธนาคารที่มีผู้คนเดินเข้าออกกันควักไขว่ ร้านอาหารใหญ่โต รวมถึงร้านบาร์ที่ดูเหมือนกำลังเปิดให้บริการอีกในไม่ช้า เศรษฐกิจในย่านนี้ดีเยี่ยมแค่ไหน เสื้อผ้ารวมถึงเครื่องประดับราคาแพงของแม่สาวน้อยที่กำลังโปรยเสน่ห์ยั่วยวนเขาอยู่ตรงหน้าสนับสนุนความนึกคิดของเขาให้ชัดเจนยิ่งขึ้นไปอีก
“ ถึงแล้วขอรับนายท่าน ”
เสียงเรียกของชายร่างเล็กเรียกใบหน้าหล่อเหลาให้เงยขึ้นสบห้องตึกสูงที่เกินพื้นที่ด้านหน้าไปกว่า 4 คูหา ใช้สายตาแหลมคมมองลอดเข้าในบานประตูไม้สักเนื้อแท้ที่ด้านบนถูกดัดแปลงเป็นบานกระจกใส ด้านในปรากฏร่างของชายหนุ่มหญิงสาวที่กำลังเลือกซื้อเครื่องประดับหรูหราที่วางโชว์อยู่เบื้องหน้าอย่างสำราญใจ พนักงานจำนวน 10 กว่าชีวิตกำลังตั้งอกตั้งอกทำหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายอย่างไร้ซึ่งสิ่งที่เรียกว่าความเหนื่อยล้า
เขาไม่รู้สึกแปลกใจกับคำว่า “ ทรัพย์สินสิ่งใดที่ต้องการ ข้าพเจ้าพร้อมจะนำมากองแทบเท้าท่าน” ของผู้เขียนจดหมายฉบับนี้เลยแม้แต่น้อย
“ อาจจะเบียดเสียดซักนิดหน่อย คงไม่เป็นไรกระมังขอรับ”
“ จะเป็นอะไรไป เร็วเข้าเถิด ป่านนี้ท่านเซอร์คงเริ่มขุ่นเคืองข้าพเจ้าแล้วกระมัง ”
เอ่ยพูดกับคนตรงหน้าอย่างหยอกเย้า หากแต่ชายวัยกลางคนกลับแสดงท่าทีหวาดระแวงออกมาราวกับคิดจริงจังในคำพูดของเขาเสียอย่างนั้น เท้าสั้นสาวเข้าไปด้านในอย่างไม่รั้งรอลำบากเขาต้องเร่งฝีเท้าตัวเองตามให้ทัน ลัดเลาะไปตามทางขึ้นที่ค่อนข้างจะแออัดแต่กลิ่นหอมอ่อนๆรวมถึงการตกแต่งที่เรียบหรูสบายตาทำให้ความรู้สึกนั้นจางหายลงไปได้บ้าง เดินขึ้นไปซักพักชายร่างเล็กก็นำเขามาหยุดอยู่หน้าประตูไม้สักเก่าแก่ที่คงมีมูลค่าราคาไม่ต่างกับทองคำแท่งเท่าไหร่นัก
“ท่านเซอร์อยู่ด้านใน เชิญท่านขอรับ ”
“ เราคงรบกวนพี่ชายแค่นี้ ขอบคุณท่านมาก ”
หันไปแย้มยิ้มขอบคุณชายตัวเล็กอย่างจริงใจ พึ่งสังเกตเห็นใบหน้าเล็กลีบที่เศร้าหมองราวกับคนที่กำลังทุกข์ทนทรมานกับอะไรบางสิ่งบางอย่าง นัยต์ตาเหี่ยวย่นตกลง ริมฝีปากสีดำคล้ำตัดสินใจเอ่ยพูดอะไรบางอย่างออกมา
“ ทุกความหวังอยู่ที่ท่าน ”
“ ได้โปรดปลดปล่อยพวกเราจากสิ่งชั่วร้ายนี้ด้วยเถิด”
แกรกกก
บานประตูไม้เนื้อดีถูกดันเข้าไปด้านใน กลิ่นหอมอ่อนของสมุนไพรหายากโชยอกมาต้อนรับการมาเยือนยามค่ำของเขา มองสบไปยังชายชราร่างผอมบางที่เงยขึ้นมาสบสายตากับเขาเช่นกัน ความคาดหวัง ระทมทุกข์ และยินดีคือสิ่งที่ผสมปนเปอยู่ในดวงตาอ่อนล้าคู่นั้น
“ ในที่สุดท่านก็มา พระเจ้าได้ยินเสียงร้องของข้าพเจ้าแล้ว ”
“ท่านเซอร์อย่าได้กังวลไป ในเมื่อท่านร้องขอ มีหรือข้าพเจ้ากับครอบครัวจะละเลย ”
ร่างสูงสง่าทอดตัวลงนั่งตรงข้ามกับผู้สูงศักดิ์อย่างเชื่องช้า กลิ่นอายความทุกข์ระทมชัดเจนมายิ่งขึ้นในความรู้สึกของบุรุษหนุ่มผู้นี้
บุตรชายของคุณพ่อ ปีเตอร์ เลสเบิร์ต จี ผู้ที่เป็นดั่งหมอพระและหมอผีที่น่าเกรงขามที่สุดในแถบชายเมืองนี้
“ สิ่งใดที่ทำให้ท่านเซอร์ต้องเดือดร้อน ได้โปรดบอกข้าพเจ้ามาเถิด ”
น้ำเสียงนุ่มทุ้มเอ่ยบอกไปพร้อมกับใบหน้าหล่อเหลาที่มองตามฝ่ามือเหยี่ยวย่นที่ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาดึงมือของเขาไปบีบไว้แน่นอย่างน่าเวทนา
“ บุตรชายข้าพเจ้า ”
เด็กหนุ่มงั้นเหรอ ?
“โปรดช่วยปลดปล่อยเขาจากปีศาจร้ายตนนั้นด้วยเถิด”
“ ตั้งแต่บุตรชายข้าพเจ้าประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อต้นปีก่อน หมอใหญ่เดินมาบอกกับข้าพเจ้าว่าไม่อาจยื้อชีวิตเขาไว้ได้ .....”
“ แต่เพียงไม่ถึงอึดใจนางพยาบาลก็วิ่งออกมาพร้อมกับบอกว่าบุตรชายของข้าพเจ้ารู้สึกตัวแล้ว ข้าพเจ้าดีใจมาก แต่นั่นมันเป็นเป็นเพียงแค่ชั่วเวลาสั้น ๆ แค่นั้น .... ”
“ เมื่อฟื้นขึ้นมา บุตรชายของข้าพเจ้าเปลื่ยนไปราวกับเป็นคนละคน รอยยิ้มสดใสที่เป็นดั่งแสงสว่างของข้าพเจ้าดับมืดลง ..... ”
“หลงเหลือไว้เพียงเด็กหนุ่มที่เอาแต่เก็บตัวเงียบอยู่เพียงลำพัง ใบหน้าเรียบตึง รวมถึงบ่อยครั้งที่ชอบแสดงพฤติกรรมแปลกประหลาดชวนน่าหวาดผวาออกมา .... ”
“ พ่อพระ ได้โปรดเถิด ช่วยเหลือบุตรชายผู้น่าสงสารของข้าพเจ้าด้วย ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดช่วยขับไล่มันออกไปจากครอบครัวของข้าพเจ้าที .... ”
เรียวเท้ายาวก้าวเข้ามาหยุดอยู่หน้าประตูของห้องด้านในสุดของตัวตึก มันมืดทึบจนแทบมองไม่เห็นแสงสว่างที่สาดลอดเข้ามา เงียบสงบ ไร้ซึ่งเสียงของลมหายใจราวกลับไม่มีสิ่งชีวิตใดอาศัยอยู่ ความหดหู่ระคนสิ้นหวังคือสิ่งที่ปลุกปั่นอยู่ในหัวใจของเขาหลังจากที่สงบนิ่งมาเป็นเวลายาวนาน
แกรกก
เป็นอีกครั้งที่สุภาพบุรุษแห่งนอนมอนด์ เจนท์ดันบานประตูเข้าไปด้านในโดยไม่คิดจะไถ่ถามถึงความต้องการของผู้คนด้านในแต่อย่างใด กลิ่นอับชื้นของเนื้อไม้ผสมผสานกันอย่างลงตัวกับกลิ่นหอมอ่อนที่โชยออกมาจากร่างกายของคนตรงหน้า ไล้ตามองตามแผ่นหลังบางเล็กภายใต้ชุดนอนสีขาวบางเบา เส้นผมสีดำสนิทพัดปลิวไปตามแรงลมด้านนอก ลำตัวขาวซีด เรียวมือสวยอ่อนล้าราวกับไร้ซึ่งเรี่ยวแรงที่คงอยู่
ร่างกายที่เหมือนกับไร้ซึ่งจิตวิญญาณนี้ช่างน่าพิศวงยิ่งนัก
“ ข้าพเจ้าฮันโซล เจ เป็นครูคนใหม่ของนายน้อยขอรับ ”
“ ข้าพเจ้าไม่ต้องการ ท่านออกไปเถิด”
เสียงหวานทุ้มเย็นยะเยือกราวกับจุดต่ำสุดของมหาสมุทร ถ้อยคำปฏิเสธที่เอ่ยออกมาไม่ได้ห่างไกลไปจากความนึกคิดของเขานัก แต่มันจะจบลงเพียงเท่านี้งั้นเหรอ ....
เขาไม่ได้เดินทางเข้ามาในเมืองนี้เพื่อมาฟังคำปฏิเสธของผีร้ายเสียหน่อย
“ หลังจากที่นายน้อยประสบอุบัติเหตุเมื่อต้นปีก่อน นายน้อยก็ไม่ได้เดินทางไปโรงเรียนอีกเลย ในตอนนั้นคงยังศึกษาอยู่ในปีที่ 3 ใช่หรือไม่ขอรับ ”
“ บอกให้ออกไปไง ท่านไม่ได้ยินที่ข้าพเจ้าพูดหรือ !”
ลดตาลงมองเจ้าของใบหน้าสวยหวานที่เผลอหันมาตวาดใส่เขาอย่างเกรี้ยวกราด โครงหน้าเรียวยาวมองเข้ากันดีกับริมฝีปากสีซีดรูปกระจับ สันจมูกเชิดรั้น ดวงตากลมโตเหมือนตุ๊กตาหากแต่ก้าวร้าวราวกับปีศาจ
ตอนมีชีวิตอยู่เด็กหนุ่มผู้นี้คงงดงามไม่น้อยเลยทีเดียว
“ ถึงอย่างไรการศึกษาก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ข้าพเจ้าหวังว่านายน้อย .... ”
ปึก !!
มองตามหนังสือเล่มหนาที่ร่วงหล่นลงบนพื้นยามที่เขาจะวางมันลงบนโต๊ะด้วยใบหน้าเรียบเฉย ย่อตัวลงหยิบมันขึ้นมาจะลงมือปัดป้องผงฝุ่นที่ติดเกาะขึ้นมาอย่างใจเย็น
“ ดูเหมือนว่าวันนี้นายน้อยยังคงไม่พร้อม งั้นวันรุ่งขึ้นข้าพเจ้าจะมาใหม่”
“ ไม่ต้อง ข้าพเจ้าไม่ต้องการ ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหน !”
“ เรื่องนี้คงต้องขอปฏิเสธ มันคือหน้าที่ ข้าพเจ้ามิอาจละเลยมันได้ขอรับ ”
เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างเรียบเฉย หันหลังกลับไปยังบานประตูก่อนหยุดนิ่งอยู่กับที่เมื่อประสาทสัมผัสของเขารับรู้ถึงเสียงกรีดร้องที่เกี้ยวกราดราวกับปีศาจที่กำลังคลุ้มคลั่ง
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
“ ออกไป !! ”
แกรกก
แน่นอน จากตอนนี้แต่ไม่ใช่ที่นี่ !
ครืนนนนนนนน
เสียงห่าฝนระคนเสียงฟ้าร้องที่โหมกระหน่ำอยู่ด้านนอกไม่อาจจะทำให้สุภาพบุรุษร่างสูงผู้นี้รู้สึกหวาดหวั่นไปกับมันได้เลยแม้แค่น้อย เรียวขายาวเดินสับไปมารอบห้องพร้อมกับมือหนาที่ยึดถือหนังสือเล่มหนึ่งอยู่ในมือ ขยับแว่นสายตาที่หมิ่นเหม่อยู่บนสันจมูกโด่งคมทุกคราที่ก้มหน้าลงอ่านตำราที่ถูกขีดเขียนไว้โดยผู้เป็นบิดา
ในคืนเดือนมืดพลังของผีร้ายจะมีอานุภาพรุนแรงกว่าในช่วงเวลาอื่น
ความอาฆาตแค้นสามารถเข่นฆ่ามนุษย์ได้ ...
แต่ทว่า ความทะนงตนนี้ก็เปิดทางให้มนุษย์กำจัดมันโดยง่ายเช่นกัน ...
ตึก ! ตึก ! ตึก !
เสียงสายฝนด้านนอกเริ่มสงบลงกลับถูกแทนที่ด้วยเสียงฝีเท้าของใครบางคนที่ก้าวผ่านหน้าห้องเขาไป วางหนังสือในมือลงบนโต๊ะอย่างแผ่วเบา ก่อนจะสาวท่อนขาสูงยาวไปยังบานหน้าต่างที่ถูกบดบังด้วยผ้าม่านสีเลือดหมูสด มือยาวแหวกมันออกอย่างช้าๆ
หึ มันไม่เร็วไม่หน่อยหรือยังไง
ดวงตาแหลมคมจดจ้องไปยังภาพของเด็กหนุ่มภายใต้ผ้าคลุมผืนดำที่เดินลัดเลาะอยู่บนพื้นถนนเบื้องล่าง พื้นถนนฉ่ำแฉะจากห่าฝนที่พึ่งยุติลงไม่กี่นาทีที่ผ่านมาส่งกลิ่นสาบขึ้นมาแตะจมูกของเขา
ถ้าคืนวันนี้ไม่ใช่คืนเดือนดับละก็ เขาไม่มีทางเอาตัวเข้าไปอยู่ในบรรยากาศที่น่าสะอิดสะเอียนนี่เด็ดขาด !
เดินไปคว้าเสื้อโค้ชตัวหนาขึ้นมาสวมใส่พร้อมกับมือหนาที่ลดลงไปควานหาอะไรบางอย่างในลิ้นชักก่อนจะหยิบมันมาจ้องดู
กริชเงินขนาดเล็กส่องประกายราวกับมีชีวิต
สิ่งที่เขาจะใช้มันเพื่อจบสิ้นทุกอย่าง !
สวบ สวบ สวบ
เท้ายาวสาวไปด้านหน้าพร้อมกับสายตาที่ยังจับจ้องยู่กับแผ่นหลังเล็กที่เคลื่อนไหวอยู่เบื้องหน้า เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็น “คืนเดือนดับ ” แสงของโคมไฟที่ส่องอยู่ตามข้างทางมันจึงไม่ได้ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับเขานัก ตึกรามบ้านช่องที่เงียบสงัดให้ความรู้สึกน่าพิศวงอย่างที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน ราวกับเมืองร้างที่มีเพียงเขากับปีศาจร้ายตนหนึ่ง ...
ที่ตอนนี้มันได้หายออกไปจากสายตาของเขาเสียแล้ว !
กึกก !
“ อยู่นี่เองหรือขอรับ”
มือหนาหันไปคว้าข้อมือเล็กที่ตั้งใจกดมีดคมลงบนลำคอของเขาได้ทันท่วงที ใบหน้าสวยสดนิ่งเฉยยามเมื่อเขาออกแรงกดบีบไปยังข้อมืออ่อนนุ่มนั้น ...
ผีร้ายไม่มีความรู้สึกแต่เขากลับรู้สึกสงสารร่างกายบอบบางนี้เหลือเกิน ....
“หึ ! หลงเสน่ห์ร่างกายงดงามนี้เข้าแล้วเหรอ พ่อพระแห่งนอนมอนด์ เจนท์ ”
เสียงหวานแหลมเล็กแตกต่างจากเมื่อช่วงเย็นราวกับเป็นคนละคน มองตามเรียวนิ้วขาวซีดที่ไต่ขึ้นมายังปกคอเสื้อของเขาอย่างเย้ายวน ดวงตาตากลมโตเผยเสน่ห์อันลึกลับชวนน่าค้นหาออกมา
“ ถ้าอยากได้ก็เอาสิ เล่นสนุกกับร่างกายนี้อย่างที่เจ้าต้องการ ก่อนที่ข้า ... ”
“…………….”
“จะฆ่าเจ้า !”
นิ้วยาวผละออกจากกล้ามเนื้อแต่งตึงของชายหนุ่มตรงหน้าก่อนจะดึงกลับวุ่นวายกับเม็ดกระดุมของตน ผิวซีดเปลือยปรากฏออกมาท้าทายความดำมืดของยามรัตติกาล ริมฝีปากบางฉาบถูกหยิบยื่นออกมาให้โดยที่เขาไม่ต้องร้องขอ
“ หึ ! เจ้ามันช่างโง่งมนัก”
เสียงหวานกดลงต่ำเมื่อรู้สึกถึงริมฝีปากชื้นแฉะที่ซุกไซร้อยู่ตรงซอกคอขาวอย่างไหล ร่างกายบอบบางอยู่เคล้นคลึงอย่างหนักแต่กลับไม่นำพาความรู้สึกใดให้เกิดขึ้นในดวงจิตที่ไม่ได้เชื่อมโยงกันนี้ แต่จะเป็นไรไปกับการเล่นสนุกเล็ก ๆ น้อย ๆ
อีกอย่างร่างกายบริสุทธิ์ผุดผ่องของเด็กหนุ่มผู้นี้มันทำให้เขาริษยา
จนบางครั้งยังนึกอยากทำลายมันขึ้นมาเสียอย่างนั้น ...
ผู้ที่ครอบครองจิตใจโสมมยิ้มเยาะกับตนเองโดยไม่นึกสนใจชายหนุ่มอีกคนที่กำลังหยิบจับอะไรบางอย่างออกมาจากเสื้อโค้ชตัวหนา เลื่อนไล้ริมฝีปากนุ่มหยุ่นขึ้นไปประกอบลงบนริมฝีปากสีซีดของเด็กหนุ่ม ดวงตากลมโตเผลอหลับพริ้มลงด้วยความตกใจ เป็นจังวะเดียวกันกับกริชสีเงินที่ถูกปักลงบนปั่นเหน่งของคนตรงหน้า
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
เสียงแหลมหวีดร้องขึ้นมาอย่างเกรี้ยวกราดพร้อมกับร่างบอบบางที่ทรุดฮวบลงในวงแขนของเขา คว้าเสื้อคลุมดำขึ้นมาปกปิดร่างกายที่แทบจะเปลือยเปล่าด้วยความรู้สึกผิดในจิตใจ
แต่ถ้าเขาไม่ทำแบบนั้น ผีร้ายตนนี้จะวางใจเขาได้อย่างไร ...
“ เจ้าทำเรื่องชั่วช้ากับข้านัก เจ้ารู้หรือไม่ กว่าข้าจะได้ร่างกายหนึ่งมาสิงสถิตข้าต้องใช้เวลาเท่าใด ! ”
เสียงแหลมหวีดหวิวอยู่รอบตัวเขาราวกลับกำลังร้องหาความยุติธรรม อย่างไรเหรอที่เรียกว่าความยุติธรรม ?
กับการขโมยร่างผู้อื่นเพื่อทำเป็นที่สิงสถิตของตนงั้นเหรอ ?
“ ร่างกายของผู้อื่นไม่ใช่ตึกรามบ้านช่องที่เปิดว่างให้ผีสางตนใดเข้ามาอยู่ หรือว่าท่านไม่มีที่ไป ... ”
“ ไม่ต้องมาคิดแทนข้า ! ข้าจะเป็นเช่นไรมันก็ไม่ใช่เรื่องของเจ้า”
เสียงหวีดหวิวแปลเปลื่ยนเป็นสะอื้นไห้อย่างน่าเวทนา ความทะนงตนในจิตใจของผีร้ายไม่ใช่เรื่องที่แปลกประหลาดอะไร คนที่ถูกทำร้ายทุกคนล้วนมีสิ่งที่ตราตรึงจิตวิญญาณของตนเองไม่ให้หนีหายไปไหน ถึงแม้ในส่วนลึกของจิตใจ การเวียนว่ายตายและเกิด เป็นสิ่งที่ทุกสรรพสิ่งโหยหายมันอย่างที่สุด
“ ข้าพเจ้าช่วยท่านได้ ”
“………….”
“ ตามข้าพเจ้ามาสิ ”
เป็นครั้งที่ 2 ในรอบปีดอกลิลลี่สีขาวสะอาดถูกจัดวางไว้อย่างประณีตลงบนหลุมศพหลุมหนึ่งที่ตั้งอยู่ในสุสานชานเมือง ป้ายสัญลักษร์ลายหินอ่อนสลักว่า “lady Lilly Jayz” มันย้ำเตือนทุกความทรงวันในวันนั้นให้หวนคืนมา เลดี้ผู้น่าสงสารถูกฆาตกรมโดยคนรัก บุรุษผู้โหดร้ายแอบซ่อนร่างกายของเธอเอาไว้โดยไม่มีใครพบเห็น ความอาฆาตแค้นยังคงอยู่ เธอผู้ยังไม่จากไปไหนยังรอคอยแก้แค้นชายผู้นั้น จนในค่ำคืนนั้นที่เธอยอมตามเขาไป ...
เรื่องราวทุกอย่างจบสิ้นลงพร้อมกับคำขอบคุณอันแผ่วเบา …
ที่ยังติดคงติดตรึงอยู่บนในโสตสัมผัสของเขาจนถึงตอนนี้ ....
“ เรียบร้อยแล้วหรอ ”
เสียงเล็กเอ่ยออกมาอย่างยิ้มแย้มพลางมองหน้าคนรักที่กำลังสบมองมาที่เขาเช่นกัน ดวงตากลมโตหลุบต่ำลงเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่าใบหน้างดงามของบุรุษหนุ่มผู้นี้กำลังจะทำให้หัวใจของเขาเต้นไม่ส่ำอีกครั้ง
ไม่ว่าจะผ่านไปนานซักเท่าใดเขาก็ไม่อาจทำตัวให้คุ้นชินกับมันได้เลย ...
“ เรียบร้อยแล้วขอรับ เรากลับกันเถอะ ... ”
“ ยะ อย่าพึ่งสิ เมื่อไหร่ข้าพเจ้าจะได้เข้าไปเยี่ยมหลุมศพของพี่สาวท่านบ้าง ”
ร่างเล็กเอ่ยออกมาอย่างอ้อมแอ้ม ถึงจะโดนดุอย่างที่ผ่านมาแต่ยูทาก็ยังจะยืนยันในเจตนารมณ์ของตนเองเช่นเดิม ก็มันไม่แปลกไปหน่อยหรือไงที่ทุกครั้งที่ร่างสูงมาที่สุสานแห่งนี้กลับมีแค่ตัวเองที่เข้าไปเคารพหลุมศพของพี่สาว มองไม่เห็นถึงความจำเป็นในการที่ตัวเองต้องโดนกีดกันเช่นนี้ ร่างสูงไม่ไว้ใจเขาหรือ สามปีที่ผ่านมายังไม่มากพอที่จะทำให้เขาเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของสุภาพบุรุษผู้นี้ได้เลยงั้นสิ
“ นายน้อยขอรับ ”
“ ไม่ว่าอย่างไรท่านก็ไม่ยินยอมให้ข้าพเจ้าเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในจิตใจของท่าน ทำไมเหรอฮันโซล”
เสียงเล็กเอ่ยออกมาอย่างน้อยเนื้อตำใจ ใบหน้างดงามแดงก่ำขึ้นมาอย่างน่าสงสาร หยดน้ำตาเม็ดเล็กกำลังจะร่วงรินลงมาแล้ว ....
ให้ตายเถอะ เขาไม่ได้ปลุกจิตวิญญาณที่หลับใหลอยู่ภายในร่างกายนี้ขึ้นมาเพื่อทำร้ายทำมันแบบนี้นะ
“ นายน้อยขอรับ มันไม่ใช่แบบนั้น”
“ ข้าพเจ้าจะกลับเข้าเมือง ได้โปรดไปส่งข้าพเจ้าด้วย”
“ วันคริสมาร์ตปีถัดไป ”
“…………..”
“ นายน้อยมากับข้าพเจ้านะขอรับ”
เอ่ยบอกคนตัวเล็กด้วยสีหน้าและท่าทางที่ดูจริงจังเสียจนเรียกรอยยิ้มน่ารักให้ผุดขึ้นมาบนใบหน้าสวยสดนั่นอีกครั้ง ดวงตากลมโตหมดสิ้นซึ่งหยดน้ำตา ริมฝีปากฉ่ำวาวขยับขึ้นลงเหมือนกำลังจะพร่ำพูดอะไรบางอย่างอกมา
“ ได้สิ เพราะยังไงเราก็ต้องอยู่ด้วยกันตลอดไปอยู่แล้ว ”
END
ผลงานอื่นๆ ของ witches0704 ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ witches0704
ความคิดเห็น